แนะนำไอเดียทางดิจิทัล: เติบโตแบบออร์แกนิกใน Google (ด้วย SEO):

หน้านี้มีให้บริการเป็นภาษาอังกฤษด้วย.

ในที่นี้เราเปรียบเปรยถึง Organic Growth ว่าเป็นการเติบโตที่เกิดขึ้นได้ด้วยกําลังของบริษัทเอง ผ่านการประชาสัมพันธ์ของบริษัทโดยไม่ซื้อโฆษณาผ่านสื่อใดๆ เช่น เว็บไซต์หลักของบริษัท การซื้อขายโดยตรง การบริการ การแนะนำบอกต่อจากพนักงาน ลูกค้าและผู้ที่เคยใช้บริการของบริษัทมาก่อน

 

เพื่อให้ Organic Growth ของเราเข้าตาและสอดคล้องกันในสายตาของ Google คุณจำเป็นต้องพิจารณาเพียง 3 แนวคิดหลักนี้ (1) Content at scale คือการผลิตเนื้อหาที่คนสนใจมานำเสนอ (2) Exposure of your content การนำเนื้อหาไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่ใช่ (3) Backlink ลิงก์ย้อนกลับ – ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด แต่เดี๋ยวเราจะกล่าวมาถึงเรื่องนี้อีกที

 

ส่วนผสมทั้งสามอย่างนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ในสายตาของ Google งานของคุณในฐานะนักการตลาดดิจิทัลก็คือ การจัดส่วนผสมทั้งสามนี้ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ เพิ่มการเข้าชม เพิ่มโอกาสในการขาย เพิ่มลูกค้าที่มุ่งหวัง และเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์คุณ

แนะนำไอเดียทางดิจิทัล เติบโตแบบออร์แกนิกใน Google ด้วย SEO

  1. Content at scale –หมายถึงอะไร?

หมายถึง การสร้างเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็น Videos, Blogs, Infographics, ภาพของ Buyer Journeys ของลูกค้า, ลักษณะที่แท้จริงของ Buyer Personas หรือสิ่งที่ลูกค้าสนใจและกำลังค้นหาอยู่ 

Buyer persona: สเปกของลูกค้าตัวจริงที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือการบริการของคุณอยู่ – เขาเป็นใคร มองหาอะไร พวกเขาค้นหาสิ่งเหล่านั้นจากที่ไหน?

 

ยกตัวอย่างของเรา Aware มักกำหนดเป้าหมายเป็นผู้บริหารและผู้จัดการด้านไอที เพราะฉะนั้นขอบเขตจึงค่อนข้างจำกัด เพราะเรามีสเปกที่ค่อนข้างชัดเจน มาถึงตรงนี้คุณพอจะนึกภาพลูกค้าของเราออกเลยใช่ไหม ว่าเขามีลักษณะและความสนใจแบบไหน?

 

อีกตัวอย่างหนึ่ง หากคุณขายจิ๊กซอว์ตัวต่อและเกม –ก็เป็นไปได้ว่า Buyer persona ของคนที่ซื้อจะมีทั้งคุณแม่ เด็กวัยรุ่น นักการตลาดที่กำลังมองหาของขวัญขององค์กร เป็นต้น ทุกคนเหล่านี้มีลักษณะแตกต่างกัน แต่ค้นหาสิ่งเดียวกันจากที่ต่างๆ กัน

 

Buyer Journey: กระบวนการซื้อของผู้ซื้อตั้งแต่ต้นจนจบ – การที่คนจะซื้อของชิ้นหนึ่งต้องผ่านอะไรมาบ้าง พวกเขาอยู่ตรงไหนอย่างไรในกระบวนการซื้อ หน้าที่ของคุณในฐานะนักการตลาดคือ การนำลูกค้าที่มีศักยภาพเข้ามาและนำพวกเขาเข้าสู่ Sales Funnel ของคุณตามขั้นตอน ACD หรือ วิธีการคัดกรองและเลือกลูกค้าที่มีคุณสมบัติตรงตามที่เราต้องการ ผ่านขั้นตอนต่างๆที่เราเป็นคนกำหนด เพื่อทำให้เกิดความชัดเจนในตัวลูกค้า จนได้ลูกค้าตัวจริงเป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา ขั้นตอนเหล่านั้นได้แก่

 

แนะนำไอเดียทางดิจิทัล เติบโตแบบออร์แกนิกใน Google ด้วย SEO

 

Awareness: การรับรู้

Stage นี้หมายถึง การรับรู้ Pain Point หรือ การรับรู้ว่ามีปัญหาอะไรสักอย่างที่ต้องหาอะไรมาบรรเทาหรือแก้ไข ซึ่งภายหลังกลายมาเป็นแรงจูงใจในการซื้อของ แต่ในที่นี้อาจหมายรวมไปถึงการรับรู้ถึงแบรนด์ของคุณด้วยก็ได้ ปกติคนมักจะมองหาของที่ต้องการมาตอบโจทย์ที่ขาดไป ซึ่งตรงนี้ลูกค้าจะมองหาผู้ขายที่ช่วยแก้ปัญหาได้ เราเองก็มีปัญหานะ ลองนึกดูดีๆสิ

 

Consideration: การพิจารณา

เมื่อเรารู้ว่าปัญหาคืออะไร เราก็จะรู้วิธีจัดการกับปัญหานั้นได้ เช่น เริ่มมองหาหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหานั้นขายที่ไหน มีรูปแบบไหนบ้าง ใครเป็นผู้ขาย เริ่มต้นหาผู้ให้บริการ ผู้ขาย และเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ขาย ทั้งหมดคือวิเคราะห์ว่าควรซื้ออะไร กับใคร อย่างไร เมื่อไหร่ ต้องพิจารณาอะไรเพิ่มเติมบ้าง

 

Decision: การตัดสินใจซื้อ

กระบวนการซื้อของผู้ซื้อ หรือ ACD เป็นส่วนสำคัญในด้านการตลาด และความพยายามในแต่ละขั้นนั้นแตกต่างกันอย่างมาก ตัวอย่างเช่นโมเดลสำหรับคนที่ต้องการซื้อเน็คไทหรือเครื่องแต่งกาย VS โซลูชันซอฟต์แวร์สำหรับ บริษัท ของพวกเขาจะมีเวลาตอบสนองในแต่ละ Stage ที่แตกต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ประเภทเนื้อหาที่สร้างขึ้นเพื่อการจูงใจลูกค้าให้สอดคล้องกับแต่ละขั้นตอนการซื้อของพวกเขาก็จะแตกต่างกันด้วย

 

แนะนำไอเดียทางดิจิทัล เติบโตแบบออร์แกนิกใน Google ด้วย SEO

 

  1. Exposure of your content: 

เนื่องจากการตลาดไม่ใช่แค่เรื่องของเนื้อหาหรือไอเดียเพียงอย่างเดียว แต่คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ครอบคลุม ในความคิดของลูกค้า หากคุณกำลังจะทำความรู้จักเพื่อประเมินบริษัทใดบริษัทหนึ่ง คุณอาจเข้าไปดูเว็บไซต์ ดู Social ของเขาทั้งหมด หรือลองค้นหาบริษัทนั้นใน Google

แนวคิดหลักก็คือ ต้องเป็นอะไรที่ลูกค้ามองหาในขณะที่เขากำลังต้องการให้ได้ ตามปกติแล้วเวลาคุณทำคอนเทนต์ คุณจะรีเสิร์ชเยอะและพัฒนาเนื้อหาให้ดีที่สุด แต่ถ้าคุณไม่ได้ผลักเนื้อหาที่คุณเหนื่อยสร้างมาเป็นแรมคืนแรมเดือนไปลงบนพื้นที่เผยแพร่เนื้อหาหรือ Platofrm ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันมักจะสูญเปล่า เพื่อไม่ให้เสียเวลาและเพื่อที่จะรีดเค้นเอาคุณค่าสูงสุดของเนื้อหาทั้งหมด คุณควรที่จะปรับเนื้อหาให้ออกมาเป็นรูปแบบอื่นๆ ทั้งวิดีโอ หรือตัดทอนเนื้อหาเดิมแล้ว delvelop ให้กระชับ พร้อมสร้างรูปมาโพสต์ลงบน Social Media หรือจะทำเป็น slideshare หรือแม้แต่ทำออกมาเป็นแบบ Infographic ก็ได้ – ส่งต่อเนื้อหาที่เราตั้งใจทำไปสู่พื้นที่เผยแพร่อื่นๆต่อไปให้มากที่สุด

 

socialmedia

ตัวอย่างการตัดทอนเนื้อหาและสร้างภาพประกอบเพื่อนำไปเผยแพร่บน Social Media

Backlinks: 

Backlink หรือ ลิงก์ย้อนกลับ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการประสบความสำเร็จใน Google เป็นเหมือนป้าย VIP ติดหน้าอกที่พอ Google เห็นก็จะเปิดประตูพาเราขึ้นสู่อันดับที่สูงขึ้นทันที ตรงนี้เราอาจจะต้องขวนขวายพยายามอยู่สักหน่อยเพื่อที่จะได้รับ Backlink ผ่านการโพสต์จากผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ หรือได้รับ Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ คุณจึงควรกระจายเนื้อหาออกไปให้มากขึ้น แต่ยังมีอีกวิธีอื่นๆอีก เช่น การทำ Infographics, การทำ Broken Link, การทำ Sponsorships และการมี Testimonial ที่เป็นเรื่องราวดีๆ ของบริษัทที่ถูกพูดถึงโดยลูกค้า ที่สามารถใส่ Backlink กลับมาได้เช่นกัน

 

แนะนำไอเดียทางดิจิทัล เติบโตแบบออร์แกนิกใน Google ด้วย SEO

 

บอกอีกนิดเกี่ยวกับ Backlink คือ ไม่ใช่ว่าทุกๆ Backlink จะให้ผลดีเสมอไป โดยเฉพาะการทำลิงค์จากการคอมเมนต์ตามบล็อกต่าง ๆ อาจกลายเป็น Spam ทำให้ Google ลดอันดับเราลงได้ เพราะดูไม่น่าเชื่อถือ เช่น ถ้าเราเจอ “Nice article: Checkout mine here …” คอมเมนต์เชิญชวนที่ใส่ Backlink มาด้วย พวกนี้คือไม่เอาจะดีกว่า

 

ตามที่ได้กล่าวมาถ้าคุณรวมปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ไว้ด้วยกัน คุณจะมีอัตราการเข้าชมที่สูงขึ้นและหวังว่าเรื่องราวเหล่านี้จะช่วยให้คุณบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจด้วยเช่นกัน

Translated by Matana Wiboonyasake

Tags

What do you think?

Related articles