Aware Jobs

หากใครเรียนสาย IT มาก่อนจะต้องคุ้นเคยกับคำนี้เป็นอย่างดีแน่นอน กับคำว่า Software Tester อีกทั้งในทุกองค์กรและทุกๆ บริษัทก็จะต้องมีตำแหน่ง Software Tester หรือ QA ในทุกที่ เพราะนอกจากจะเป็นหน้าที่และตำแหน่งที่สำคัญของบริษัทแล้วนั้น ตำแหน่ง Software Tester ยังมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ท้าทาย แถมกระซิบให้ด้วยว่า เงินเดือนค่อนข้างดีเลยทีเดียวล่ะ ดังนั้นวันนี้ เราจะไปเจาะลึกอาชีพ Software Tester ไปพร้อมๆ กัน สรุปแล้วมันคืออาชีพอะไร แล้วถ้าอยากจะทำอาชีพนี้ ต้องมีความรู้ด้านใดบ้าง

Software Testing คืออะไร?

Software Testing หรือการทดสอบซอฟต์แวร์นั้นก็คือ กระบวนการการประเมินและปรับปรุงคุณภาพซอฟต์แวร์ของบริษัท เพื่อค้นหาข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องของซอฟต์แวร์ให้ปรากฎออกมาเพื่อหาแนวทางอุดช่องโหว่ของปัญหาที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นให้ได้นั่นเอง 

สำหรับอาชีพ Tester หรือ Software tester หรือ Quality Assurance Engineer หรือ Quality Engineer นั้น จริงๆ ทั้งหมดนี้ก็คืออาชีพเดียวกันทั้งหมด โดยพื้นฐานหน้าที่ของอาชีพนี้ก็คือ คนที่มีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพของ software ที่ถูกผลิตขึ้นมาโดย programmer โดยทำการเทสต์ระบบต่างๆ และตรวจสอบหาข้อบกพร่องข้อผิดพลาดของซอฟต์แวร์ เพื่อเช็กดูให้ดีว่าซอฟต์แวร์ที่เราส่งออกไปให้ลูกค้านั้นมีข้อผิดพลาดอะไรตรงไหนหรือไม่ เพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงที  

ซึ่งหน้าที่หลักๆ ก็จะนั่งเทสต์ระบบและเทสต์ซอฟต์แวร์ทั้งวัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด Bug หรือข้อผิดพลาดตามมาเมื่อซอฟต์แวร์ไปถึงมือของลูกค้าแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้ว คนที่เป็น Software Tester เค้าก็ไม่ได้มีหน้าที่นั่งเทสต์ระบบทั้งวันขนาดนั้นหรอก เพราะในระหว่างวันก็ยังต้องมีหน้าที่อื่นๆ แทรกเข้ามาเพิ่มอีกด้วยเช่นกัน 

หน้าที่ของ Software Tester

1. ทำ Design Test Cases เพื่อตรวจดูความลื่นไหลและความผิดปกติของแอปพลิเคชัน 
2.  ทำ Produce Test Cases เพื่อตรวจดูขั้นตอนและเช็กดูว่าลูกค้าได้รับไปแล้วจะอ่านแล้วใช้งานเข้าใจได้ง่ายมั้ย
3. ทำการติดตั้งในเรื่องของ Setup Environment
4. Test ระบบในส่วนของ Execute Testing
5.  Test Script เพื่อตรวจตราดูในส่วนของ Produce Test Script และ Test Automation
6. จากนั้นก็ต้องมาทำการสรุปผลการ Test ระบบให้กับผู้เกี่ยวข้องกันต่อ
   

Business Analyst กับ Programmer Analyst คืออะไร เกี่ยวข้องกับ Software Tester อย่างไร

สำหรับอาชีพ Business Analyst หรือ BA และ Programmer Analyst (หรือ PA) นั้นก็คือ ผู้ที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลขององค์กรและบริษัท คล้ายๆ กับคนที่เป็น Software Tester นั่นแหละ เพียงแต่ในส่วนของ BA และ PA จะเน้นไปที่การวิเคราะห์เพื่อตรวจหาจุดบกพร่องของเทคโนโลยี และคิดค้นเครื่องมือเพื่อนำมาแก้ไขและปรับเปลี่ยนเพื่อให้ธุรกิจของบริษัทสามารถดำเนินการต่อไปได้

โดยในบางบริษัทจะผนวก  BA และ PA เข้าเป็นแผนกเดียวกันกับ Software Tester เพราะหน้าที่และการดูแลค่อนข้างจะคล้ายคลึงกันนั่นเอง

งาน Software Tester ต้องมี Skill อะไรบ้าง?

แน่นอนว่าหากคุณต้องการเป็น Software Tester ก็ควรจะต้องมีความรู้ทางด้านการเทสต์ระบบเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น

– ความรู้พื้นฐานทางด้าน Testing Software  
– มีทักษะด้านการตรวจรับและทดสอบระบบงานซอฟต์แวร์ที่ดี 
– การวิเคราะห์ Requirement
– การออกแบบ Test Case 
– การเทสต์ข้อมูล Scenario 
– Mobile Testing 
– Business Analysis
– Performance Testing
– Security Testing
– Automation Testing

และนอกเหนือจากสกิลทั้งหลายที่กล่าวมาด้านบนแล้วนั้น ยังต้องมีทักษะพื้นฐานของ Software Tester ควบคู่ไปกับการทำงานด้วยเช่นกัน เมื่อเราทำงานสายนี้ไปเรื่อยๆ เราจะเรียนรู้และมีประสบการณ์ในเรื่องของ Software Quality เพิ่มขึ้นอีกไปด้วย ซึ่งในส่วนนี้ก็จะทำให้เรามองเห็นแง่มุมของระบบและแง่มุมของซอฟต์แวร์ได้มากขึ้นอีกด้วย

ทักษะอะไรบ้างที่ Software Tester ต้องหมั่นฝึกฝน

1. Foundation of Testing ต้องรู้พื้นฐานการเทสต์ระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ
2. Testing the Software Life Cycle เพราะระบบของซอฟต์แวร์นั้นไม่มีวันหยุดนิ่ง การหมั่นเรียนรู้และหาข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีอยู่เสมอจะทำให้เราเป็นที่ต้องการของหลายๆ บริษัท
3. Static Technique ต้องมีเทคนิคและทักษะการตรวจสอบและอ่านสถิติอย่างแม่นยำ
4. Test Design Techniques เทคนิคออกแบบการเทสต์ต่างๆ
5. Test Management การจัดการระบบต่างๆ
6. รู้จัก Tools for support Testing อันได้แก่ระบบเครื่องมือที่ต้องใช้ในการเทสต์
7. เข้าใจในเรื่องของระบบจัดการลูกค้า ต้องแก้ไขข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าเป็นด้วย
8. ต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของแอปพลิเคชัน แพลตฟอร์ม ปลั๊กอินต่างๆ

Soft Skills ที่คนเป็น Software Tester ควรมี

1. ทักษะการคิดแบบเป็นเหตุเป็นผลและคิดนอกกรอบ (Logical and Lateral Thinking)
2. ทักษะการแก้ไขปัญหา (Problem Solving)
3. ทักษะการรายงานผลและสื่อสาร (Reporting and Communication)
4. ทักษะการจัดการงานแบบโปรเจค (Project Management)

การเติบโตและความท้าทายของอาชีพ Software Tester

สำหรับอาชีพนี้ บอกได้เลยว่านอกจากเงินเดือนจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนั้น เรื่องของสายงานอาชีพยังไปได้ไกลอีกด้วย โดยเริ่มจากการเป็น Software Tester แล้วสามารถเติบโตไปถึง Test Manager ได้เลยทีเดียว 

ฐานเงินเดือนและผลตอบแทนที่ได้รับของอาชีพ Software Tester

โดยส่วนใหญ่แล้ว เงินเดือนจะเพิ่มขึ้นตามประสบการณ์ของการเป็น Tester ยิ่งเรารู้ข้อมูลเยอะ มีประสบการณ์เยอะ นั่นก็เท่ากับความได้เปรียบในความก้าวหน้าในสายอาชีพที่มากกว่าคนอื่นไปในตัว ยกอย่างเช่น

– เด็กจบใหม่ เงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ราวๆ 25,000 บาท นับว่าเป็นเงินเดือนที่ไม่น้อยเลยทีเดียวนะ
– คนที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้มาแล้ว 3-5 ปี ฐานเงินเดือนก็จะอยู่ที่ประมาณ 30,000-45,000 บาทนั่นเอง
– สำหรับคนที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้มากถึง 5 ปีเป็นต้นไป ก็รับไปเลยกับตัวเลขสวยๆ ตั้งแต่ 45,000-60,000 อัพเลยทีเดียวเชียว

เอาล่ะ สำหรับใครที่มีความรู้ทางด้านนี้เป็นทุนเดิมแต่ยังคิดว่ายังไม่เก่งพอ อย่ารอช้า รีบฝึกฝนทักษะให้เก่งและแกร่งขึ้นไปอีก เพราะอย่างที่เราได้รู้กันแล้วว่า อาชีพนี้เมื่อได้ทำแล้ว นอกจากสายอาชีพจะไม่มีวันตันแล้ว ฐานเงินเดือนยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามประสบการณ์ในสายอาชีพอีกต่างหาก นับว่าเป็นอาชีพที่น่าทำมากๆ ในช่วงยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้เลยทีเดียวล่ะ

ถ้าคุณสนใจงาน Software Tester ชอบความท้าทาย และมีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อยู่เสมอ เราอยากให้คุณมาร่วมทีมกับเราแล้วโชว์ฝีมือ! คุณจะได้ร่วมงานกับบริษัทเทเลคอม และธนาคารชั้นนำมากมาย

ดูข้อมูลตำแหน่งงานได้ที่นี่: https://www.aware.co.th/it-jobs (แล้วใส่คำค้นหลัก: tester กดเสิร์ช)