มีนาคม 8, 2023

5 อุปสรรคของผู้หญิงในการทำงานสาย Tech ในปัจจุบัน 

by Matana Wiboonyasake matana.w@aware.co.th

5 อุปสรรคของผู้หญิงในการทำงานสาย Tech ในปัจจุบัน 

 

 

เทคโนโลยีถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเร็วที่สุดในโลกคือ สำหรับบุคลากรสายนี้จึงมีตัวเลือกในการทำงานมากมาย แต่ไม่ใช่ทุกคนจะไปถึงจุดที่มุ่งหวังได้ทั้งหมด ส่วนหนึ่งเกิดจากโอกาสที่ถูกปิดกั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง แม้จะมีการตื่นตัวในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศก็ตาม แต่สภาวะการทำงานผู้หญิงในแวดวงเทคโนโลยียังคงเผชิญกับอุปสรรคอยู่มากและความสำเร็จของผู้หญิงในสายงานเทคโนโลยียังคงเป็นเรื่องท้าทายอยู่เสมอ คุณทราบหรือไม่ว่า มีอย่างน้อย 5 อุปสรรคที่ยังคงเกิดขึ้นและมีผลต่อการทำงานของผู้หญิงในสาย Tech ในปัจจุบัน โดยบทความนี้อ้างอิงจากผลสำรวจของบริษัทในสหรัฐอเมริกา ประเทศซึ่งมีการเติบโตในด้านเทคโนโลยีสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก 

 

1. แนวโน้มการจ้างงานผู้หญิงต่ำ 

จากการสำรวจของ Zippia เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลรวมถึงเครื่องมือที่ช่วยด้านการสมัครงาน ในปี 2022 มีผู้หญิงที่จบในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ STEM* (STEM Education) ถึง 44% แต่มีเพียง 15% ของผู้หญิงที่ได้ทำงานในสายวิศวกรรม และการสำรวจของ American Enterprise Institute หรือที่รู้จักกันในชื่อสถาบันวิสาหกิจอเมริกัน (AEI) พบว่ามีเพียง 14% ที่ผู้หญิงได้ทำงานที่เกี่ยวข้องในสายคอมพิวเตอร์ และมีแนวโน้มที่จะลดลงเรื่อย เนื่องจากหลาย ๆ บริษัทมีวัฒนธรรมองค์กรแบบสังคมชายเป็นใหญ่ ทำให้ผู้หญิงที่ถูกจ้างงานในสาย Tech ยังคงมีสัดส่วนที่ไม่สมดุล ถึงแม้จะมีการพูดคุยในระดับประเทศเกี่ยวกับความหลายหลายเรื่องเพศสำหรับงานด้านเทคโนโลยีแล้วก็ตาม 

*STEM Education ย่อมาจาก Science, Technology, Engineering and Mathematics  Education คือ การบูรณาการความรู้ระหว่าง 4 สาขาวิชา ซึ่งได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ 

 

2. อคติ การเลือกปฏิบัติ และการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน 

อคติทางเพศเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ผู้หญิงในแวดวงเทคโนโลยีต้องเดินไปให้ถึงจุดที่ได้รับการยอมรับเสียที ในแง่ของการปฏิบัติงาน ผู้หญิงมักถูกประเมินและมีความกดดันสูงกว่า ต้องทำงานเพื่อพิสูจน์ตนเองมากกว่าผู้ชายเกือบเท่าตัว จากการสำรวจของ Pew Research Center หน่วยงานวิจัยที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายทางการเมืองที่สำคัญแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา สำรวจความคิดเห็นของสาธารณชนในเรื่องต่าง ๆ ในปี 2017 ผู้หญิง 50% ประสบปัญหากับการเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน นอกจากนี้ยังมีปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานที่ซึ่งการทำงานด้านเทคโนโลยีที่สัดส่วนเพศชายมากกว่าเพศหญิง ผู้หญิงหลายคนเข้าแจ้งว่า ถูกคุกคามจากเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือแม้แต่คนแปลกหน้า จึงพบว่า เป็นเรื่องยากที่จะรู้สึกปลอดภัยและสบายใจในที่ทำงานอันเป็นผลมาจากการคุกคามในลักษณะนี้ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจทำงานต่อไป 

 

3. ตกอยู่ในสภาวะ Imposter Syndrome 

ปัญหานี้เป็นปัญหาสืบเนื่องจากอคติและการเลือกปฏิบัติทางเพศ เนื่องจากผู้หญิงหลายคนต้องประสบกับการต้องพิสูจน์ตนเองอย่างหนัก การประเมินงานที่หนักกว่า ความคิดอคติต่อตนเองจึงเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความสงสัยในความสามารถของตนคิดว่า ตนทำงานได้ไม่ดีพอและขาดความสามารถ แม้จะเป็นเพียงความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งภาวะ Imposter Syndrome นี้อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานแย่ลง และนำไปสู่การเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจจากความเครียดและความวิตกกังวลได้  

 

4. การปรับเลื่อนตำแหน่งอย่างไม่เท่าเทียมกัน 

จากการศึกษาของ Silicon Valley Bank ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของอเมริกา พบว่า เพศของผู้ก่อตั้งมีผลกระทบโดยตรงต่อความหลากหลายทางเพศ สำหรับ Start-Up ที่มีผู้ก่อตั้งเป็นผู้หญิงอย่างน้อยหนึ่งคน จะมีสัดส่วนของผู้บริหารหญิงถึง 50% แต่เมื่อเทียบกับบริษัทที่ไม่ได้ก่อตั้งโดยผู้หญิงมีเพียง 5% ของกลุ่มบริษัททั้งหมดที่มีผู้บริหารเป็นผู้หญิง และเมื่อดูจากการศึกษาพบว่าแม้จะมีวุฒิการศึกษาเท่ากัน แต่ผู้ชายก็มีแนวโน้มที่จะได้เลื่อนตำแหน่งมากกว่าผู้หญิง อีกทั้งความเชื่อในการเลื่อนตำแหน่งตามรายงานปี 2019 เรื่อง Women in Technology ของ IDC บริษัทวิจัยตลาดระดับโลก พบว่า 54% ของผู้ชายกล่าวว่า พวกเขารู้สึกว่า น่าจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัท ในขณะเดียวกัน มีผู้หญิงเพียง 25% ที่เชื่อแบบนั้นเพราะมองว่า ขาดการสนับสนุนและรู้สึกว่า จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าผู้ชายเพื่อให้ได้เลื่อนตำแหน่ง 

 

5. ความแตกต่างของรายได้ 

American Association of University Women (AAUW) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ศึกษาเรื่องความเท่าเทียมของเพศหญิง รายงานว่า ในปี 2021 ผู้หญิงยังคงได้รับค่าจ้าง 83 เซ็นต์ต่อทุก 1 ดอลลาร์ที่ผู้ชายได้รับ และในสายงายด้านเทคโนโลยีเพศชายมีรายได้สูงกว่าผู้หญิง 3.5% อีกทั้งตามรายงานของ Dice บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ กล่าวถึงความพึงพอใจของรายได้ระหว่างผู้ชายและผู้หญิง ผู้หญิงที่ตอบว่า ไม่พอใจในรายได้ของตน มีค่าตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 69,543 ดอลลาร์ เทียบกับสำหรับผู้ชายอยู่ที่ 81,820 ดอลลาร์ จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของรายได้ที่เกิดขึ้น ค่าตอบแทนจึงถือเป็นข้อกังวลสูงสุดสำหรับผู้หญิงในแวดวงเทคโนโลยี ซึ่งมักจะทำเงินได้น้อยกว่าเพื่อนร่วมงานผู้ชายนั่นเอง 

 

ถึงแม้ว่าปัญหาในการทำงานของผู้หญิงในสายเทคโนโลยียังคงมีอยู่ แต่ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญเพื่อช่วยกันสร้างความเปลี่ยนแปลง หาวิธีการลดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศ สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร ลดอคติ และไม่ปลูกฝังความคิดผิด ๆ ต่อเพศหญิงในวัฒนธรรมองค์กร เพราะอาชีพสายเทคโนโลยีไม่ใช่สิ่งผูกขาดทางเพศและไม่ว่าใคร ๆ ก็สามารถก้าวเข้ามามีบทบาทในสายงานนี้ได้  

 

สำหรับ Aware Group เชื่อว่าผู้หญิงมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมาอย่างช้านานพอ ๆ กับผู้ชายและมีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ที่ Aware เรามีนโยบายส่งเสริมการไม่แบ่งแยกเพศในงานด้านเทคโนโลยี เราเป็นอีกหนึ่งบริษัทเทคโนโลยีที่ต้องการสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อเพศหญิงเพื่อลดอคติบางอย่างที่ปิดกั้น รวมทั้งสนับสนุนการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อเพศหญิงในที่ทำงาน เพื่อให้ทุกคนได้พิสูจน์ตัวเองว่าเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องผูกขาดทางเพศ เพราะการอยู่ร่วมกันอย่างแท้จริงไม่ว่าจะเป็นที่ใด หรือสถานที่ทำงานใด จำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม 

 

 

อ้างอิง:  

www.cio.com 

www.pewresearch.org 

www.zippia.com 

www.advantisglobal.com 

5 อุปสรรคของผู้หญิงในการทำงานสาย Tech ในปัจจุบัน 

About Matana Wiboonyasake

Digital Marketing Executive | Aware Group

Uncategorized @th