มีนาคม 29, 2022
เราจะสร้าง Digital Footprint ที่เป็นมิตรต่อการสมัครงานได้อย่างไร
จากบทความที่แล้ว (Digital Footprint ร่องรอยบนดิจิทัลที่เราทิ้งไว้สำคัญแค่ไหน) ยิ่งเรารู้ว่าชีวิตของเราถูกแปลงเป็นดิจิทัลมากขึ้นแค่ไหน เรายิ่งต้องพิจารณาทุกๆพื้นที่บนออนไลน์ที่เราได้เคยเหยียบย่างไป เพื่อแน่ใจว่าข้อมูลของเราที่อยู่แต่ละที่นั้นถูกเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่ อย่างไร เพราะนอกจากเรซูเม่และจดหมายสมัครงาน เดี๋ยวนี้ฝ่ายคัดสรรบุคลากรสามารถเสิร์ชหาชื่อของผู้สมัครบนกูเกิ้ลและโซเชียลมีเดียเพื่อรู้จักผู้สมัครอีกด้านหนึ่ง
คำถามคือ HR ดูไปเพื่ออะไร? ก็เพื่อที่จะดูว่าคุณนำเสนอตัวเองอย่างไร และเพื่อนๆของคุณมีความคิดเห็นอย่างไรต่อสิ่งที่คุณนำเสนอ ข้อนี้สำคัญตรงที่ สิ่งที่เรานำเสนอนี้อาจจะถูกนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาถึงความเป็นไปไดว่า เราจะเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทนั้นๆได้ดีหรือไม่ แต่ไม่ใช่เป็นการดูเพื่อใช้ตัดสินว่าคุณเป็นคนอย่างไร ฉะนั้น เพื่อที่จะเตรียมตัวให้พร้อมกับอนาคต ควรเริ่มอย่างไร เรามีวิธีที่จะช่วยจัดการและสร้างร่องรอยบนดิจิทัลที่เป็นมิตรกับการสมัครงานมาฝากค่ะ
1. รู้จัก Digital footprint ของตัวเอง
ลองแกะรอยตามสิ่งต่างๆเหล่านี้เพื่อให้รู้ว่า คุณได้ฝากร่องรอยอะไรไว้บ้าง
- โปรไฟล์บนโซเชียลมีเดียทั้งหมดที่คุณเคยสร้างและยังคง Active อยู่
- ความคิดเห็นและรูปภาพที่คุณเคยโพสต์ (หรือถูกกล่าวถึงในโพสต์)
- กลุ่มที่คุณเข้าร่วมและกระดานสนทนาออนไลน์ที่คุณเข้าร่วม
ทั้งหมดนี้เพื่อที่เราจะได้เข้าใจตัวเองได้คร่าวๆ ว่าเราเคยคิด-พูด-นำเสนออะไร มีใครเห็นบ้าง และส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร?
2. ลองอ่านเนื้อหาบางส่วนที่คุณโพสต์
ลองอ่านเนื้อหาบางส่วนที่คุณโพสต์บนโซเชียลมีเดีย จากนั้นคิดในมุมมองของนายจ้างว่า เขาจะรับรู้โพสต์นั้นๆอย่างไร ซึ่งนายจ้างที่ว่านี้ อาจจะเป็นนายจ้างคนปัจจุบันหรือนายจ้างในอนาคตก็ได้ ทีนี้เมื่อรับรู้แล้ว คุณคิดว่าพวกเขาจะมองเราในแง่ดี ชื่นชม หรือมองด้วยความกังวลหรือไม่?
3. ค้นหาชื่อของคุณในเครื่องมือค้นหาต่าง ๆ
ใด ๆ คือ เราทุกคนหากไม่รู้อะไรก็สามารถหาจนรู้ได้จากกูเกิ้ล เราอยากให้ลองค้นหาชื่อและอีเมลของคุณเองในเครื่องมือค้นหาต่าง ๆ ทั้งบนกูเกิ้ลและในแต่ละโซเชียลมีเดีย แล้วสำรวจผ่าน 5 หน้าแรกของผลการค้นหา ดูข้อมูลทั้งหมดที่เกิดขึ้น พิจารณาว่ามีอะไรที่อาจจะส่งผลเสียต่อโอกาสในการได้รับการว่าจ้างหรือไม่ หากนายจ้างคนปัจจุบันหรือนายจ้างในอนาคตของคุณเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้
4. ให้ความสำคัญกับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
ขั้นตอนต่อไปในการจัดการร่องรอยบนดิจิทัลโดยให้ความสำคัญกับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบนเว็บไซต์และบรรดาโซเชียลมีเดียที่คุณใช้งานเป็นประจำ เคล็ดลับก็คือ ทำให้ชีวิตส่วนตัวของคุณเป็นส่วนตัวมากที่สุด สมมติว่า ทุกอย่างที่คุณเคยโพสต์ลงไป คนเหล่านี้ต้องไม่สามารถค้นหาเจอได้ง่าย ๆ เช่น นายจ้าง เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้า นอกจากนี้ ควรจำกัดการแสดงความคิดเห็นและแสดงโพสต์ส่วนตัวให้เห็นได้เฉพาะคนที่คุณรู้สึกปลอดภัยด้วยที่สามารถเห็นหรือตอบโต้ได้ ฉะนั้น พิจารณาให้ดีก่อนที่จะโพสต์สิ่งต่าง ๆ ให้คนทั่วไปได้อ่าน เพราะสิ่งเหล่านั้นจะถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ นั่นหมายความว่า เราพร้อมที่จะเปิดเผยออกไปอย่างไม่ลังเล และต้องพิจารณาเสมอว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นจะต้องไม่กระทบความเป็นมืออาชีพในสายงานของคุณ
5. สร้างเนื้อหาที่ดีในโลกออนไลน์
ถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะคำนึงถึงเนื้อที่หาต้องการโพสต์ คุณจะเขียนอะไร แชร์อะไร จากแพล็ตฟอร์มใดบ้างที่จะส่งผลดีหรือเอื้อประโยชน์ต่อความเป็นมืออาชีพของเราบ้าง เช่น การแชร์สถานการณ์ของเศรษฐกิจปัจจุบันเพื่อบอกความเข้าใจและเท่าทันกลไกที่เกิดขึ้น การบอกเล่าเกี่ยวกับความสำเร็จที่เราทำ จะเป็นเรื่องใดๆก็ได้ ทั้งการเริ่มต้นวิ่งจนจบตามเป้าหมาย การจบโปรเจ็คที่ร่วมงานกับแผนกอื่น ๆ ด้วยความยินดี หรือเล่นมุกชวนขำจากความอารมณ์ดีและความคิดสร้างสรรค์ของเรา แชร์ความรู้ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจที่เราทำงานอยู่
ลองจับทางเนื้อหาเหล่านี้ดู อันไหนเหมาะที่จะนำมาลงเพื่อบอกตัวตนของเราในแง่ดีต่อการทำงาน ที่สำคัญที่สุดเนื้อหานั้นควรเป็นความจริง ถููกต้อง มีเหตุมีผล รู้ที่มาแน่ชัด ไม่นำเรื่องโกหกเพื่อสร้างภาพ หรือนำข่าวปลอมมาแชร์ หรือเล่าเรื่องต่าง ๆ โดยที่ไม่มีข้ออ้างอิง สิ่งเหล่านี้อันตรายต่อตัวตนของเรามากบนออนไลน์
6. ใช้ชื่อจริงสร้างโปรไฟล์
สำหรับการเข้าใช้เว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อการหางานหรือที่เกี่ยวข้องกับแวดวงการทำงาน คุณควรใช้ชื่อจริงมาสร้างโปรไฟล์บนเว็บไซต์ เช่น บน LinkedIn, Facebook, Indeed ตลอดจนเว็บไซต์หางานอื่น ๆ นอกจากนี้ควรดูแลอัปเดตข้อมูลส่วนตัวที่คล้ายคลึงและสอดคล้องกันในทุกเว็บไซต์ วิธีนี้จะช่วยให้คุณเพิ่มความน่าเชื่อถือ มีโอกาสเพิ่มการรู้จักจากนายจ้างได้ง่ายและดีขึ้น
7. ใช้พลังโซเชียลเสริมความน่าเชื่อถือ
คุณสามารถใช้พลังของเครือข่ายโซเชียลมีเดียมาช่วยเสริมสร้างโปรไฟล์ของคุณให้น่าสนใจได้ด้วยนะ อย่างเช่น Facebook, Instagram และ Twitter เอง คุณสามารถให้ข้อมูลโปรไฟล์หรือโพสต์บนหน้าหลักที่เป็นประโยชน์แก่นายจ้างได้ ทั้งประวัติการทำงาน แสดงโพสต์ที่เผยให้เห็นบทสนทนาที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ตรงนี้สามารถแสดงให้เห็นถึงความคิดเห็นที่คนอื่น ๆ มีต่อคุณ วิธีที่คุณสื่อสารกับผู้อื่น หรือแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บน LinkedIn คุณสามารถขอให้ผู้ที่เคยร่วมงานช่วยรับรองทักษะในการทำงานของคุณได้ หรือแบ่งปันประสบการณ์การทำงานเชิงบวกกับผู้ติดตามของคุณ หากเนื้อหานั้นน่าประทับใจมาก ๆ ก็อดไม่ได้ที่คนอื่น ๆ จะมาแชร์สิ่งที่คุณทำต่อไป เห็นไหมล่ะ วิธีนี้ก็น่าสนใจทีเดียวนะ คุณว่าไหม?
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมภาพความเป็นมืออาชีพให้คุณบ้างไม่มากก็น้อย เพียงแต่ลองพิจารณาแล้วทำตามในสิ่งที่คุณคิดเห็นว่าน่าสนใจ อย่าลืมว่า เมื่อผู้ว่าจ้างในอนาคตกำลังมองหาใครสักคนมาร่วมงาน พวกเขาควรจะได้เห็นภาพด้านการทำงานของคุณได้อย่างชัดเจน ได้พบความเป็นมืออาชีพ ความน่าเชื่อถือ และ่สิ่งที่น่าประทับใจจากตัวคุณ หากคุณลองปรับดู เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าคุณอาจจะมีชัยหรือได้เปรียบเหนือผู้สมัครคนอื่น ๆ และมีแต่จะเพิ่มโอกาสที่ได้รับการติดต่อจากนายจ้างที่คาดหวังได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน
- Business Analyst ทำอะไร? สำคัญอย่างไรในอาชีพสายไอที? - พฤษภาคม 12, 2023
- 4 แนวทางเอาชนะ Burnout ในการทำงานสาย Tech - มีนาคม 10, 2023
- 5 อุปสรรคของผู้หญิงในการทำงานสาย Tech ในปัจจุบัน - มีนาคม 8, 2023
- Aware สานฝันและเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการย้ายสายงานมาเป็น Developer (ตอนที่2) - มกราคม 17, 2023
- Aware สานฝันและเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการย้ายสายงานมาเป็น Developer (ตอนที่1) - มกราคม 17, 2023
- จบไม่ตรงสายจะเปลี่ยนสายงานมาเป็น Developer ได้อย่างไร - มกราคม 17, 2023
- เราจะสร้าง Digital Footprint ที่เป็นมิตรต่อการสมัครงานได้อย่างไร - มีนาคม 29, 2022
- Digital Footprint ร่องรอยบนดิจิทัลที่เราทิ้งไว้สำคัญแค่ไหน - มีนาคม 29, 2022
- Hybrid Working – รูปแบบใหม่ของการทำงาน | Aware Group - ธันวาคม 7, 2021
- บางนา มามะ จะพาไปดู - พฤศจิกายน 12, 2021