Keyword Research: เขาทำกันอย่างไร?

หากคุณมีไอเดียเนื้อหาหลากหลายมากๆ คุณจะเลือกเขียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง? แน่นอนว่าเราต้องการข้อมูลอะไรสักอย่าง แต่ถ้าคุณไม่ได้กำหนดเป้าหมายของคำค้นหา หรือสิ่งที่ลูกค้าต้องการทราบ ต่อให้เขียนอะไรก็จะไปไม่ถึงความต้องการของผู้อ่าน ทุกอย่างที่ทำมาก็สูญเปล่า

งั้นเราควรทำอย่างไร? คุณจำเป็นต้องใช้งานเครื่องมือเหล่านี้ keyword Planner, Google Trends, SEMrush และ SpyFu เพื่อวิเคราะห์คู่แข่งของคุณ ดูว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วก็อย่าลืมการใช้ประโยชน์จาก Google ด้วย

ลองใช้ Long tail keyword:

ปกติ เ���าควรจะมี Keyword ที่เป็นคำค้นแบบสั้น (Short tail keyword) แต่เราขอนำเสนอ Long tail keyword คือคำค้นที่ยาวประมาณนึงหรือ 3-4 คำขึ้นไปมาต่อกัน โดยคำค้นแบบยาวนี้จะมีการค้นหาคำน้อยกว่าพวกคำค้นแบบสั้น แต่ก็ทำอันดับได้ง่ายกว่าและให้ผลดี ด้วยว่าคำที่ประกอบกันนี้ช่วยเพิ่มความเฉพาะเจาะจงในการค้นหาได้ดีขึ้น ลองดูตัวอย่างด้านล่าง

เช่น ในกรณีนี้คำว่า “Wooden Puzzles” เป็นคำที่ถูกใช้ค้นหามากที่สุด และดูเหมือนว่าจะให้ผลดี แต่ในทางกลับกันคำนี้เป็นคำที่ถูกใช้เยอะมากจากหลากหลายคู่แข่งที่อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เดียวกัน โดยปกติแล้วสำหรับผู้เข้าชมที่เข้ามาอ่านหรือเลือกซื้อสินค้า ยิ่งถ้าเราแบ่งย่อยประเภทของสินค้าที่เค้ากำลังมองหาและเราต้องการประกาศขาย ด้วยการใช้คำเฉพาะเจาะจงที่ยาวขึ้น ก็ยิ่งจะตรงใจกับสิ่งที่ลูกค้าเป้าหมายของเรากำลังค้นหาอยู่ ฉะนั้นก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นไปอีกเพราะเราได้ลูกค้าที่ตรงกลุ่ม

ถ้าคุณโชคดีได้อยู่ในจุดที่ผลิตภัณฑ์ของคุณตรงกับคำค้นหาแบบสั้นพอดีก็จะเป็นอะไรเหมาะเหม็งมาก เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถสร้าง Branding ได้อย่างยอดเยี่ยม อย่าง Aware เราก็สามารถทำอันดับเว็บไซต์ได้จากคำค้นแบบสั้นเหมือนกัน ทั้งนี้เราใช้การไต่ขึ้นสู่อันดับบนของการค้นหาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับแบรนด์ของเราอีกที

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าควรกำหนดเป้าหมายคำค้นแบบสั้นหรือยาว?

จำตอนที่ 1 ที่เราเขียนเกี่ยวกับ Backlink ได้ไหม? Backlink คือ ลิงค์จากเว็บภายนอกลิงค์เข้ามาที่เว็บไซต์ของเรา Backlink นี่เองเป็นปัจจัยหนึ่งที่กำหนดความสามารถในการจัดอันดับของคุณ เว็ปไซต์ใหญ่ๆ อย่างเช่น Amazon, Wikipedia, Huffington Post ฯลฯ มักจะปรากฏอยู่ในการค้นหาอยู่เสมอ นั่นเพราะมี Backlink ย้อนกลับมาที่เว็บต่างๆเหล่านั้นเป็นล้าน ๆ รายการ ซึ่ง Backlink เหล่านี้แหละเป็นตัวยืนยันการให้สิทธิ์แก่โดเมนหรือเว็บไซต์นั้น ซึ่งในสายตาของ Google จะถือว่าเป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการยอมรับนะ ควรได้รับอันดับการค้นหาสูงกว่าเว็บไซต์อื่น ๆ

คุณสามารถประเมินอิทธิพลในการดึงดูดของเว็บไซต์โดยใช้เครื่องมือต่างๆเหล่านี้ได้:

https://moz.com/researchtools/ose/

https://majestic.com/

เราจะหาข้อมูลของคำค้นหลักที่ควรใช้ได้อย่างไร:

เครื่องมือที่สำคัญที่สุดในคลังแสง Keyword หรือคำค้นหลักของคุณ คือ Keyword Planner (เครื่องมือวางแผนคำค้นหลัก)  วิธีนี้จะช่วยให้คุณได้ทราบปริมาณการค้นหาคำค้นหลักที่กำลังใช้อยู่ เคล็ดลับการใช้คำค้นหลัก ค่าใช้จ่าย และการวิเคราะห์ความยากง่ายของ Keyword (ขึ้นอยู่กับการโฆษณา)

Google Keyword Planner

Google Trend

โดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนชอบได้รู้ได้เห็นว่าคนอื่นๆเขาทำงานกันอย่างไร ลองไปแอบดูคู่แข่งว่าเขากำลังทำอะไรกันอยู่ เขามีไอเดียอะไรดีๆบ้างเราก็ยากจะรู้ด้วยไปหมด – ถ้าพวกเขากำลังวางแผนไล่ตามกลยุทธ์เนื้อหา เราก็อยากจะรู้ว่าทำไมต้องใช้กลยุทธ์นี้ด้วย ลงทุนไปเท่าไหร่ก็อยากรู้ แม้ว่าศาสตร์ของความพยายามในการตามไปดูให้ได้นี่จะไม่เป็นวิทยาศาสตร์สักเท่าไหร่ แต่ก็พอจะทำให้เราเข้าใจอะไรๆในเชิงลึกได้บ้างล่ะน่า เราขอแนะนำ SpyFu.

SpyFu เครื่องมือวิจัยออนไลน์ที่ช่วยให้คุณสามารถดำเนินการวิจัยแคมเปญโฆษณาของคู่แข่ง และสนับสนุนคุณในการค้นหา keyword ใหม่ๆ มีคุณสมบัติโดดเด่นตรงที่ช่วยคุณวิเคราะห์และเปรียบเทียบเว็บไซต์ที่คุณต้องการรู้ได้ ไม่เกิน 3 โดเมน ตรงนี้เองคุณจะพบโอกาสที่ซ่อนอยู่มากมายภายใต้ผลที่ SpyFu นำเสนออีกด้วย

Translated by Matana Wiboonyasake