เข้าสู่ช่วงปลายปีแต่ละปีจะเริ่มมีการคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีในปีถัดไปออกมา ซึ่งล่าสุด Gartner ได้เผยถึงแนวโน้มเทคโนโลยีใน 3 ประเภทประกอบด้วย People Centricity, Location Independence และ Resilient Delivery
1. People Centricity
จากวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้ชีวิตและการทำงานของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป แต่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ศูนย์กลางของธุรกิจแท้จริงแล้วคือ ผู้คน อยู่ดี ฉะนั้นโจทยืคือต้องปรับเปลี่ยนทุกอย่างให้อยู่ในระบบ Digital อย่างเต็มรูปแบบ
Internet of Behavior
ระบบการเก็บข้อมูลบน Digital ทำให้เราสามารถเก็บข้อมูลของผู้คนได้มากขึ้น ทั้งข้อมูลลูกค้าในเชิงธุรกิจและข้อมูลของปรชาชนสำหรับบริการสำหรับภาครัฐที่ได้มาจาก Social Platform ต่างๆ, Internet of Things, Smart Phone ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้มากขึ้น นำมาซึง่ประโยชน์หลากหลายมิติทั้งในเชิงสุขภาพ บริการ การคมนาคม ทำให้เราสามารถปรับปรุงพัฒนาการติดตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างเหมาะสม
Total Experience
การรวบรวมประสบการณ์ที่หลากหลาย ทั้งจากลูกค้า พนักงาน ผู้ใช้งานเพื่อนำมาปรับปรุงการบริการนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
Privacy – Enhancing Computation
คือการใช้เทคโนโลยีประมวลผลข้อมูลได้อย่างปลอดภัยครอบคลุมทุกกระบวนการ เริ่มตั้งแต่การทำระบบที่มีสภาพแวดล้อมที่สามารถประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างปลอดภัย กระจายไปได้หลายที่ ต้องเข้ารหัสข้อมูลและอัลกอริธึมก่อนนำข้อมูลไปวิเคราะห์ ด้วยประสิทธิภาพเหล่านี้จะทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกนำไปประมวลผล แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างองค์กรได้ด้วยความปลอดภัย
2. Location Independence
COVID-19 ทำให้เกิดสังคมที่ไม่ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขของสถานที่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เราสามารถทำกิจรรมผ่านออนไลน์จากที่ใดก็ได้ จึงจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีที่จะมาสนับสนุนพฤติกรรมรูปแบบใหม่ๆ
Distributed Cloud
คือการที่ผู้ให้บริการ Public CLoud กระจายการติดตั้งระบบ Cloud ไว้หลายๆแห่ง โดยที่การบริหารจัดการและการควบคุมต่างๆยังเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการ Public Cloud จึงทำให้องค์กรต่างๆได้ใช้ Cloud Services ที่ทันสมัย และมีระบบที่ตั้งอยู่ใกล้กับหน่วยงาน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการส่งข้อมูล และตอบโจทย์ที่องค์กรต้องการให้จุดเก็บข้อมูลอยู่ใกล้ๆ โดยเฉพาะในต่างประเทศ ว่ากันว่า Distributed Cloud คือ อนาคตของ Cloud
Anywhere Operation
แนวโน้มธุรกิจในอนาคตจะสามารถดำเนินธุรกิจจากที่ใดก็ได้ พนักงานทำงานได้ทุกที่ที่ต้องการ ผ่านระบบ Digital ส่งผลให้เกิดแนวคิด Digital First, Location Indipendenct โดยมีโครงสร้างพื้นฐานและแอปพลิเคชันแบบกระจาย
Cybersecurity Mesh
สถาปัตยกรรมแบบกระจาย (Distributed Architechture) ที่จะสามารถควบคุมความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อย่างมั่นใจยืดหยุ่นขยายตัวได้ เนื่องจากทรัพยากรด้านไอทีจำนวนมมากอยู่นอกรัศมีการควบคุมความปลอดภัยทางไซเบอรฺ์ได้อย่างมั่นใจ ยืดหยุ่น ชยายตัวได้ ทั้งนี้เนื่องจากทรัพยากรด้านไอทีจำนวนมาก อยู่นอกรัศมีการควบคุมความปลอดภัยที่มักจะกำนหดไว้ภายในองค์กร Cybersecurity Mesh จะเป็นการอนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดรัศมีก่ีควบคุมความปอดภัยรูแบบ Modular และตอบสนองเองได้ โดยมีนโยบายจากส่วนกลาง
3. Resilient Resident
วิกฤตโควิด – 19 และความถดถอยทางเศรฐกิจ ทำให้ธุรกิจจำเป้นต้งปรับตัวและมีความคล่องตัวจึงต้องมีการเตรียมเทคโนโลยีที่สามารถมารองรับารเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจาก Digital Disruption
Intelligent Composable Business
องคกรทั่วโลกต้องปรับตัวตลอดเวลา จำเป็นต้องมีสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้ดีขึ้น เห็นข้อมูลเชิงลึกได้มากขึ้น นำข้อมูลมาประกอบรวมในแต่ละส่วนย่อยได้ เพื่อเอามาพัฒนาระบบต่างๆที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ธนนาคารต้องสามารถประเมินแนวโน้มและพฤติกรรมของลูกค้าแล้วสามารถสร้างบริการใหม่ๆได้อย่างรวดเร็ว
AI Engineering
การแก้ปัญหาโครงการด้าน AI ที่มักจะเจอในแง่ของการบำรุงรักษาการขยายระบบ และด้านธรรมาภิบาล โดยการทำให้ AI เป้นส่วนหนึ่งของการพัฒนาและการทำงานโครงการไอทีต่างๆ แทนที่จะมองเห็นเป็นโครงการ AI ต่างหาก ต้องมีขั้นตอนทำงานที่ชัดเจนมีธรรมาภิบาล น่าเชื่อถือ โปร่งใส อธิบายได้ และเป็นไปตามกฎระเบียบต่างๆ
Hyperautomation
แนวคิดที่จะต้องทำให้กระบวนการทำงานต่างๆทั้งด้านธุรกิจและ IT เป็นระบบอัตโนมัติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยใช้เทคโนโลยี Intelligent Automation ที่หลากหลายแต่สามารถนำมาเชื่อมต่อและประกอบกันได้
Digital Marketing Executive | Aware Group ตั้งใจที่จะส่งมอบเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ เขียนให้อ่านง่ายและเข้าใจง่าย แม้ผู้ที่ไม่มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยีมาก่อนก็สามารถศึกษาร่วมกันได้ ยินดีที่จะนำเสนอเรื่องราวน่าสนใจด้านเทคโนโลยี มาร่วมเรียนรู้ด้วยกันนะคะ