สิ่งที่ผู้สมัครงานหลายคน โดยเฉพาะบัณฑิตจบใหม่ มักพลาดโอกาสได้งานไปในระหว่างการสัมภาษณ์งาน เรามีวิธีแก้ไขให้แรงงานหน้าใสอย่างคุณคว้าตำแหน่งงานในฝันได้ ในสภาวะตลาดแรงงานในปัจจุบัน ดังนี้
1. อย่า: เชื่อมันตัวเองสูงหรือต่ำเกินไป
หลีกเลี่ยงการพูดว่าคุณ “เจ๋งที่สุด” เพราะการบอกนายจ้างว่าคุณเจ๋ง ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ยิ่งคุณทำงานในตำแหน่งที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนักและงานไม่ได้เป็นโครงการที่คุณจะทำคนเดียวได้จริง จงนำเสนอตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ลองพิจารณาลักษณะงานที่คุณสมัครให้ชัดเจนดูว่าประสบการณ์ของคุณสอดคล้องกับงานนั้นอย่างไร และบอกสิ่งที่เป็นผลงานที่ดีของคุณที่ให้กับองค์กรก็น่าสนใจแล้ว สิ่งสำคัญคือ คุณต้องแสดงให้เห็นต่างหาก ในมุมกลับกัน ถ้าหากคุณต้องนำทีมทำงานจริง เพราะเป็น project manager คุณจะต้องเล่าให้เห็นถึงมุมของการวางแผน การควบคุมติดตามและตรวจสอบ หรือประเมินผลการทำงานตามโครงการที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งนั่นแหละถึงจะดูสมน้ำสมเนื้อมากกว่า
2. อย่า: แต่งกายไม่เหมาะสม
การนำเสนอตัวเองระหว่างการพบครั้งแรกกับผู้สัมภาษณ์มีความสำคัญมาก รูปลักษณ์ภายนอกที่พบเห็นครั้งแรกย่อมสื่ออะไร ได้มากมายกว่าคำพูด ความประทับใจครั้งแรกจะเกิด ขึ้นทันทีใน 27 วินาทีแรกที่พบ แม้คุณจะทราบว่าบริษัทนั้นอนุญาตให้พนักงานแต่งกายตามสบาย หรือ สวมยีนส์ได้ คุณก็ไม่ควรทำลายตัวเองด้วยการแต่งตัว ตามสบายไปสัมภาษณ์ เพราะจะแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ให้ ความสนใจในงานหรือการสัมภาษณ์อย่างจริงจัง จงเลือกเครื่องแต่งกาย ที่เหมาะสมแบบมืออาชีพ สำหรับสุภาพสตรีสวมเสื้อสูท น่าจะเหมาะสมที่สุด สูทกับกระโปรงหรือกางเกงก็ได้ ส่วนสุภาพบุรุษสวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนไม่ฉูดฉาดกับกางเกง ทรงและสีสุภาพ จะผูกไทค์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับองค์กรและประเภทธุรกิจที่คุณจะไปสัมภาษณ์งาน
3. อย่า: สนใจแต่เรื่องของตัวเอง
เมื่อคุณนั่งสัมภาษณ์กับผู้จัดการที่จะว่าจ้างคุณเข้าทำงาน อย่าเอาแต่สนใจว่าทางบริษัทเหมาะกับแผนการชีวิตหลังจบปริญญาของคุณมากแค่ไหน หรือบริษัทจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายที่จะเข้าเรียนต่อด้านการบริหารธุรกิจภายใน 5 ปีได้อย่างไร เพราะเป้าหมายของนายจ้างไม่ใช่การทำให้คุณทำตามฝันได้สำเร็จ ควรเชื่อมโยงปัญหาของบริษัทเข้ากับตัวเอง แล้วคิดว่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างไร
4. อย่า: กังวลกับเรื่องเงินเดือนหรือข้อเสนอไปก่อนที่จะได้งาน
ในระหว่างการสัมภาษณ์ คุณไม่อยากให้ผู้สัมภาษณ์ถามคำถามที่สนใจแต่ทางบริษัทฝ่ายเดียว ซึ่งจะทำให้คุณไม่ได้รับการพิจารณา เช่นเดียวกัน ก่อนที่คุณจะได้รับคัดเลือกเข้าทำงาน อย่าสนใจเพียงเงินเดือนหรือสวัสดิการอื่นๆ เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่า คุณคิดถึงตัวเองมากกว่าจะคิดถึงองค์กร ควรให้ความสนใจกับบริษัท ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย “ในการยื่นข้อเสนอ” หากในที่สุดคุณได้รับการเสนองานเข้ามาจริง ก็ยังไม่สายที่จะต่อรองเงินเดือน สวัสดิการ และผลประโยชน์อื่นๆ
5. อย่า: ล้มเหลวในการตั้งคำถาม
ประวัติส่วนตัวที่คุณส่งไปให้นายจ้างพิจารณาอาจจะดูน่าสนใจ แต่นายจ้างหรือคนสัมภาษณ์คงอยากที่จะให้เราถามคำถามที่ดูฉลาดๆสัก 2-3 คำถาม คุณควรจะต้องเตรียมคำถามไว้ล่วง หน้าสัก 3-4 คำถามเพื่อถามผู้สัมภาษณ์ การสัมภาษณ์คือการสื่อสารสองทาง ซึ่งควรจะต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน การที่ไม่มีคำถามจะแสดงให้เห็นว่า คุณไม่มีการเตรียมตัวมาก่อน
References :