December 7, 2021

Hybrid Working – รูปแบบใหม่ของการทำงาน | Aware Group

by Matana Wiboonyasake matana.w@aware.co.th

Hybrid Working - รูปแบบใหม่ของการทำงาน | Aware Group

 

 

 

ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้หลายองค์กรต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานและปรับกลยุทธให้รองรับการทำงานของพนักงานจากที่บ้านที่มีจำนวนมากอย่างกะทันหัน บวกกับ Social Distance และความปลอดภัยของพนักงานยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แถมยังต้องลดความหนาแน่นในออฟฟิศอีกด้วย การปรับรูปแบบการทำงานจึงเป็นอีก Solution หนึ่งของการสร้างความปลอดภัยใหัพนักงาน

จากเดิมที่เคยทำงานแบบ On premise work ที่ทุกคนต้องไปทำงานที่บริษัททุกวัน แต่จากวิกฤตโควิด 2 ปีที่ผ่านมา บางช่วงทำให้เราแทบจะทำงานแบบ Remote work เกือบ 100% เช่นกัน สถานการณ์ที่ย่ำแย่ของโรคระบาดกินระยะเวลายาวนานมากพอสมควรที่ทำให้หลายๆบริษัทต่างรู้ตัวกันแล้วว่า ไม่ว่าจะทำงานจากที่ไหน มันก็ work ได้เหมือนกันนะ จนตอนนี้กลายเป็นว่า ยังมีอีกรูปแบบหนึ่งของการทำงานที่เรียกว่า Hybrid Work เข้ามาให้หลายๆบริษัทได้พิจารณาปรับตัวกัน จนในปัจจุบันบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น Google, Spotify, Salesforce, Facebook และอีกมากมาย ต่างปรับตัวมาเป็น Hybrid Working กันอย่างแพร่หลาย ส่วนองค์กรต่างๆในประเทศไทย เทรนด์นี้กำลังได้รับความนิยมมากเช่นเดียวกัน

Hybrid Working คืออะไร?

 

Hybrid Working คือ รูปแบบการทำงานที่พนักงานสามารถเลือกทำงานได้ทั้งจากออฟฟิศสาขาหลัก จากที่บ้าน จาก Satelllite Office (ออฟฟิศสาขาย่อย) หรือจากที่ไหนก็ได้ (Remote Working) แทนที่การทำงานจะอยู่ในออฟฟิศใหญ่เพียงแห่งเดียวเหมือนเมื่อก่อน เพื่อให้อิสระกับพนักงานได้มีทางเลือกในการทำงานมากขึ้น และเกิด Productivity สูงที่สุดภายใต้นโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่น นั่นหมายถึงการตกลงกันในแต่ละองค์กรว่าจะจัดสรรเวลาการเข้างานหรือใช้พื้นที่ร่วมกันมากน้อยอย่างไร

 

แต่ละบริษัทเลือกใช้ Hybrid Working กันอย่างไรบ้าง?

 

Apple

ให้พนักงานกลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศในเดือนกันยายนเป็นต้นมา โดยให้พนักงานเข้าออฟฟิศ 3 วันต่อสัปดาห์คือ วันจันทร์ วันอังคาร และวันพฤหัสบดี ส่วนอีก 2 วันคือ วันพุธ และวันศุกร์ ให้พนักงานทำงาน Remote Working ได้ นอกจากนี้ พนักงานยังมีโอกาสทำงาน Remote Working ได้ถึง 2 สัปดาห์ต่อปี โดย Apple ให้เหตุผลว่าเพื่อให้พนักงานได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว หรือคนที่คุณรักมากขึ้น และเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน หรือหากมีเหตุผลอื่นๆ ของแต่ละบุคคล การใช้สิทธิ์นี้พนักงานต้องขออนุมัติจากผู้จัดการก่อน

 

Facebook

ประกาศให้พนักงานทำงานที่บ้านต่อไปได้จนถึงกลางปี 2022 โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ แต่ถ้าออฟฟิศกลับมาเปิดแล้ว อยากจะกลับมาทำงานในออฟฟิศก็ทำได้ เพราะในปีที่ผ่านมา Mark Zuckerberg ซีอีโอ Facebook บอกว่า พนักงานที่สามารถทำงานจากบ้านได้ ถ้าไม่อยากเข้าออฟฟิศมาทำงาน ก็ไม่ต้องเข้า แต่ขอให้ได้รับการอนุญาตจากหัวหน้างานก่อน ส่วนใครที่โดยหน้าที่แล้วต้องเข้าออฟฟิศ ซึ่งเป็นส่วนน้อยก็ยังต้องเข้าออฟฟิศต่อไป และเราเรียนรู้แล้วว่า ผลงานดีๆ เกิดขึ้นได้ทุกที่ และเอกสารภายในของ Facebook ระบุว่า ออฟฟิศของบริษัทน่าจะกลับมาเปิดเต็มตัว 100% อีกครั้งในเดือนตุลาคมปี 2021 ที่ผ่านมา แต่ยืนยันเหมือนเดิมว่า ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ แต่มีข้อกำหนดอยู่บ้างคือ ถ้าเป็นตำแหน่งงานที่ต้องเข้าออฟฟิศ ทางบริษัทจะขอร้องให้เข้าแค่ 50% ของเวลางานทั้งหมดเท่านั้น ไม่มีมากกว่านี้

 

Spotify

มีความเชื่อว่า งานคือสิ่งที่ทุกคนทำ ไม่ใช่การมาที่ออฟฟิศ การให้อิสระในการเลือกสถานที่ทำงานให้แก่พนักงานจะช่วยทำให้งานชิ้นนั้นออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัวของพนักงานทุกคนอีกด้วย ผ่านการสื่อสารกันทั้งองค์กร ซึ่งสิ่งนี้เองช่วยให้ Spotify มีการทำงานที่ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือต่าง ๆ ในปัจจุบัน โดย Spotify มีตัวเลือก Remote Working ให้ 2 ทางด้วยกัน ได้แก่ 1) My Work Mode คือ Remote Working ได้ 100% จากที่ใดก็ได้ แต่ต้องเข้ามาออฟฟิศในวันที่ผู้จัดการของแต่ละแผนกต้องการหรือมีงานสำคัญ 2) Location Choices คือ การสลับเข้ามาทำงานร่วมกับผู้อื่น กลุ่มนี้จะได้สิทธิ์การเป็นสมาชิก Co-Working Space ในละแวกต่าง ๆ ที่พนักงานอาศัยอยู่ใกล้ ๆ สามารถนัดวันมาทำงานด้วยกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาทำงานที่สำนักงานใหญ่

 

Salesforce

อีกหนึ่งบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำด้าน CRM ก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานขององค์กรครั้งใหญ่ โดยพวกเขาตัดสินใจให้พนักงานในองค์กรสามารถทำงานแบบ Remote Working ได้อย่างอิสระ ตามความต้องการของพนักงาน ออกแบบการทำงานให้กับพนักงาน 3 รูปแบบคือ 1) เข้าออฟฟิศ 1 – 3 วันต่อสัปดาห์ 2) ทำงานจากทางไกลหรือที่ไหนก็ได้ 100% (Fully Remote) และ 3) เข้าออฟฟิศเต็มเวลา สำหรับคนที่จำเป็นต้องทำงานที่ออฟฟิศ สุดท้ายแล้วเมื่อ Salesforce ปรับรูปแบบการทำงานให้พนักงานเลือกได้อย่างอิสระแบบนี้ ทำให้องค์กรพบว่า สามารถรับพนักงานเก่ง ๆ มีความสามารถสูงได้จากทั่วโลก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานที่หรือการเดินทางอีกต่อไป

 

Alphabet Inc.

บริษัทแม่ของ Google ได้ประกาศนโยบายการทำงานที่ผ่อนปรนมากขึ้น โดยจะเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถทำงานนอกสถานที่ หรือทำงานจากที่บ้านได้ โดยจะให้พนักงานของ Google 60% เข้ามาทำงานที่ออฟฟิศเพียงแค่บางวันต่อสัปดาห์ อีก 20% ย้ายสถานที่ทำงานไปที่ออฟฟิศของ Google แห่งอื่นๆ และอีก 20% สุดท้ายจะทำงานที่บ้าน อีกทั้งยังมีการออกข้อกำหนดอีกว่า พนักงาน Google สามารถทำงานจากสถานที่อื่นได้ 4 สัปดาห์ต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้ 2 สัปดาห์ ถ้าหากคุณสังเกตุดีๆ ที่นี่ยังคงกำหนดให้พนักงานมาเจอกัน เพราะเชื่อในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดจากการทำงานร่วมกันแบบเห็นหน้ามากกว่าแยกกันไปทำงาน หลายครั้งที่นวัตกรรมดีๆหลายอย่างของ Google เกิดจากความบังเอิญที่เป็นบทสนทนาในออฟฟิศโดยที่ไม่ได้ตระเตรียมกันมาก่อน

 

แล้วออฟฟิศของคุณล่ะคะ ปรับตัวกันอย่างไรบ้าง ในบทความหน้า เราจะมาพูดถึง ประโยชน์และความท้าทายในการทำงานแบบไฮบริด มีอะไรบ้างที่องค์กรต้องเตรียมรับมือต่อสถานการณ์นี้ จริงอยู่การเชื่อมโยงการทำงานทำได้ด้วยเทคโนโลยี แต่สิ่งที่ขาดไปคือความโยงในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในองค์กร ระหว่างบุคคลต่อหน่วยการ และในระดับส่วนตัวของแต่ละ จัดการอย่างไร ติดตามต่อได้ในบทความหน้า

 

Uncategorized